ลดปัญหาคลัสเตอร์โรงงานและรักษามาตรฐานด้านสุขอนามัย ด้วยการประยุกต์ใช้ AI สำหรับ Hygiene Inspection
เมื่อสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทำให้โรงงานและหน่วยการผลิตหลาย ๆ แห่ง ต้องปรับตัวในการทำงานเพื่อความปลอดภัย เพราะคงไม่ดีแน่ถ้าหากโรงงานต้องหยุดการผลิต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ประกอบการและระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ ทำให้การจัดการภายในโรงงานต้องมีการปรับเปลี่ยนและนำเทคโนโลยีบางอย่างเข้ามาปรับใช้ เพื่อเพิ่มความสะดวกและง่ายต่อการทำงานมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จึงได้มีการจัดทำคู่มือมาตรการป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่เฉพาะ ภายใต้หลักการ จัดกลุ่ม คุมไว ลดการแพร่กระจาย รายได้ไม่สูญเสีย ซึ่งหลาย ๆ โรงงานก็ได้มีการนำระบบ AI เข้ามาช่วยจัดการเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงานระยะไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงยังช่วยลดการสัมผัสได้อีกด้วย
การนำระบบ AI เข้ามาใช้ควบคุมการแพร่ระบาดและรักษาสุขอนามัยในต่างประเทศ
สำหรับในต่างประเทศฝั่งยุโรปหรืออียู (EU) ได้มีการเพิ่มงบประมาณในปี 2563 เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 1,500 ล้านยูโร ซึ่งงบในส่วนนี้จะเป็นการนำไปพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อใช้ในด้านการแพทย์และสุขภาพ ไปจนถึงการรับมือกับวิกฤตโควิด-19 ในอียู
โดยการนำ AI เข้ามาใช้งานนั้นจะสามารถช่วยได้ทั้งในด้านการเร่งพัฒนาวัคซีนและยาป้องกันโควิด-19 รวมถึงไปถึงยังสามารถช่วยระบุการแพร่ระบาดของเชื้อในระลอกต่อ ๆ ไปได้ และยังช่วยตรวจวินิจฉัยเคสโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว หรือตรวจหาเคสที่น่าสงสัย ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยลดการติดเชื้อแล้ว ยังช่วยลดการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ทำให้สามารถรักษาผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว และลดความเสี่ยงของการติดเชื้อข้ามสายพันธุ์อีกด้วย
ในส่วนของ MIT หรือสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ได้มีการคิดค้น AI ที่สามารถวิเคราะห์เสียงไอของผู้เข้ารับการตรวจว่าติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ รวมไปถึงยังสามารถจำแนกผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการและไม่แสดงอาการได้อีกด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการเก็บตัวอย่างเสียงไอเพื่อทำการวิเคราะห์อาการป่วยอื่น ๆ มาก่อนแล้ว และเมื่อมีการรวบรวมข้อมูลเสียงไอไว้เป็นจำนวนมาก ก็สามารถนำ AI มาใช้วิเคราะห์เพื่อให้เกิดความแม่นยำมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
สำหรับ AI จากฝั่งแคนาดาอย่าง BlueDot ก็ได้มีการพัฒนาโดยใช้ข้อมูลจากนักระบาดวิทยาเพื่อใช้ในการประมวลผลรายงานข่าวเกี่ยวกับโควิด-19 เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลการแพร่กระจายของโควิด-19 และสามารถคาดการณ์ถึงเมืองที่อาจเกิดการแพร่ระบาดของโรคนี้ได้
ในไทยมีการนำ AI สำหรับ Hygienic Inspection เข้ามาใช้งานอย่างไรบ้าง
เรื่องของสุขอนามัยคือสิ่งสำคัญและต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก ๆ ยิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต้องมีการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการใช้มาตรการ Social Distancing อย่างเคร่งครัดในทุก ๆ ขั้นตอน และการลดจำนวนผู้เข้าปฏิบัติงานเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ระบบ AI สำหรับ Hygienic Inspection คือหนึ่งในกำลังสำคัญที่เข้ามาช่วยในการจัดการและประเมินพื้นที่ต่าง ๆ ภายในสถานประกอบการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคลัสเตอร์โรงงานขึ้น โดยระบบ AI ที่นำมาใช้ จะมีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันเหล่านี้
การนำ AI เข้ามาใช้ จะสามารถช่วยประเมินระยะห่างระหว่างบุคคลภายในสถานประกอบการ เพื่อลดการสัมผัสระหว่างกัน และลดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคภายในพื้นที่ทำงาน
การตรวจจับการสวมหน้ากากอย่างถูกวิธีตลอดเวลาในการทำงาน เพราะนอกจากระบบ AI จะสามารถตรวจจับการแต่งกายของพนักงานในพื้นที่ได้แล้วนั้น ยังสามารถกำหนดให้ช่วยควบคุมและตรวจจับการสวมหน้ากากอย่างถูกวิธีกับพนักงานภายในพื้นที่ ตลอดระยะเวลาการทำงาน
การมอนิเตอร์ถึงความเสี่ยงของการแพร่กระจายเชื้อโรคแบบเรียลไทม์ เพราะระบบ AI สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคได้ แม้จะเป็นในพื้นที่เล็ก ๆ อย่างภายในโรงงานก็ตาม
เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับคุณในฐานะเจ้าของสถานประกอบการ พนักงานลูกจ้าง ไปจนถึงกลุ่มลูกค้า มั่นใจได้ว่าสินค้าและผลิตภัณฑ์จากการผลิตของคุณจะปลอดภัย ได้มาตรฐาน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้
การตัดสินใจมองหาตัวช่วยอย่าง AI สำหรับ Hygienic Inspection เพื่อใช้ในการวางแผนและจัดระบบให้ธุรกิจของคุณสามารถดำเนินต่อไปได้ ก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจต่อการดำเนินธุรกิจ สนใจเกี่ยวกับ AI สำหรับ Hygienic Inspection สามารถติดต่อทีมงานของเราได้ที่นี่ sales@datawow.io หรือโทร. 02-024-5560